4 มิ.ย. 2555

ประวัติลูกทุ่งก่อสร้าง เทคนิคกรุงเทพฯ ทุ่งมหาเมฆ

ประวัติลูกทุ่งก่อสร้าง โดยบุญชัย เบญจพงศ์
(อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการกองควบคุมงานการไฟฟ้านครหลวง)
         เมื่อมาอยู่ปี่ 1 ห้อง 1 รอบเช้า (รอบเช้ามี 2 ห้อง  รอบบ่ายมี 2 ห้อง) แผนกช่างก่อสร้าง เทคนิคกรุงเทพ  เปิดเรียนใหม่ๆ ยังไม่ค่อยมีเพื่อน จึงหากิจกรรมในวิทยาลัยทำ
พอดีชมรมดนตรีสากลของวิทยาลัย เปิดรับสมัครนักดนตรี จึงไปสมัคร ส่วนมากจะมีผู้สมัครเล่นกีต้าร์
ส่วนเครื่องดนตรีชิ้นอื่นไม่มีคนสมัคร พอดีเห็นเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งไม่มีใครเล่น คือแอ๊คคอเดียน
(สมัยนั้นยังไม่มี ออร์แกน หรือคีบอร์ด)
ประธานชมรมดนตรีสากล (คุณดุษฎี สินเจิมสิริ อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์) จึงรับไว้ พร้อมกับนักดนตรีอีก 1 คน ซึ่งเล่นเครื่องเป่าได้หลายชนิด โดยเฉพาะแซ๊กโซโฟน
หลังจากนั้นก็จะแวะเวียนมาซ้อมเกือบทุกวัน หลังจากซ้อมได้ซัก 2-3 อาทิตย์ ก็เริ่มคุยซักถาม
ในถานะเล่นดนตรีวงเดียวกัน มือแซ๊ก บอกว่าชื่อสกล จันทสิงห์ เรียนอยู่ปี 1 ห้อง 1 รอบเช้า
แผนกช่างก่อสร้าง ผมก็บอกว่าผมก็อยู่ช่างก่อสร้าง ห้องเดียวกัน ทำไมไม่เคยเห็นคุณเลย
ปรากฎว่าสกล นั่งหลังห้อง ผมนั่งหน้าห้อง ตอนพักก็ออกคนละประตู ต่างคนก็ยังไม่ค่อยจะมีเพื่อน
หลังจากนั้นก็เริ่มสนิทกัน เพราะชอบดนตรีเหมือนกัน 
       วันหนึ่งรุ่นพี่ปี 2 มาประชุมและบอกว่า วันสถาปนาวิทยาลัยปีนี้ ทางวิทยาลัยฯ ชอให้แต่ละแผนกฯ จัดการแสดง แผนกละ 1 ชุด โดยรุ่นพี่ได้มอบหมายให้รุ่นน้องชั้นปีที่ 1 ทั้งรอบเช้าและบ่าย รับผิดชอบ
ประธานนักศึกษาชั้นปีที่ 1 เช้า-บ่าย ได้คุยกันแล้ว  ขอให้รอบเช้ารับไปดำเนินการ
เนื่องจากรอบบ่ายส่วนมากทำงานกลางวัน และมาเรียนตอนเย็น ไม่สดวกแต่จะช่วยสนับสนุน
ประกอบกับช่วงนั้น ได้เริ่มมีวงดนตรีลูกทุ่งนักศึกษาเกิดขึ้นบ้างแล้ว  จึงเห็นว่านักดนตรีเครื่องหลัก
เช่นแอ๊คคอเดียน (สมัยนั้นวงดนตรีลูกทุ่งทุกวงใช้แอ๊คคอเดียนเป็นหลัก) และแซ๊กโซโฟน เรามีอยู่แล้ว
เพียงแต่หามือกลอง มือกีตาร์ มาประกอบซึ่งนักศึกษาส่วนมาก จะเล่นเป็น จึงเริ่มจัดวงโดยใช้ชื่อ
ลูกทุ่งก่อสร้าง ตามชื่อแผนก นำไปเสนอรุ่นพี่ และได้รับอนุมัติให้จัดแสดงในวันงาน ในนามแผนกได้
        เริ่มฟอร์มวง โดยสอบถามว่าใครเล่นเครื่องดนตรีอะไรได้บ้าง -บุญชัย แอ๊คคอเดียน  -สกล แซ๊กโซโฟน(เทนเนอ) -พรชัย ทัศนพันธิ์ กลอง -ชูศักดิ์ กีต้าร์  -ประสาน ทอมบ้า  -ภิญโญ นักร้องจอมโยกย้าย  -เชวง เพชรชเอม นักรองเรียนแบบรุ่งเพชร -สนอง รักอนันต์ นักร้องเรียนแบบครูสุรพล -ดวงตา และยุพดี เป็นนักศึกษาหญิงเพียงสองคนในรอบเช้า จึงถูกบังคับให้เป็นนักร้อง
-เขมรัฐ  และสำเร็จ บุญโอราฬ รับหน้าที่โฆษก ดาวตลก และดูแลเครื่องแต่งกายของนักดนตรี
และหางเครื่อง (สมัยนั้นเรียกหางเครื่องจริงๆ) -ชมเชย รับมอบหมายด้วยความเต็มใจให้เป็นผู้ฝึกสอนและหัวหน้าหางเครื่อง โดยให้ไปหาหางเครื่อง 1 ชุด (แกมบังคับ ชายล้วนๆ)
มี สมพล สมรัก เรวัตร ช้าง  -ทีมหน้าม้า มีหน้าที่จัดพวงมาลัยและคอยปรบมือ-โห่-ฮา เพื่อให้คนดูและนักแสดงสนุก นำทีมโดย สมหมาย นุ้ยสินธุ์ อดีตโยธาเขตบางคอแหลม กทม
พร้อมนักศึกษาทั้งรอบเช้าและรอบบ่ายทั้งหมด
       ได้ขออนุญาต อาจารย์ไฉน  และอาจารย์บุญส่ง ฝึกซ้อมในเวลาฝึกงาน (ในช่วงเวลาที่เหลือ) โดยใช้กีต้าร์โปร่ง กลองนำเที่ยว (ใบเล็ก 2 หน้า) และแอ๊คคอเดียน (ยืมจากคุณน้า ของคุณสนอง) พอใกล้วันงาน ได้ไปขอซ้อมเครื่องดนตรีครบวง ที่บ้านพี่อัศวิน ณ.สงขลา ร่นพี่ แถวซอยทองหล่อ
และเนื่องจากเป็นการล้อเรียนการแสดงของวงลูกทุ่งอาชีพ พวกเรายอมอดค่าขนม ไปซื้อตั๋วดูการแสดงสดของวง สายัญ สัญญา จดจำขั้นตอนการเปิดวง วิธีพูดของโฆษก การเล่นตลกหน้าเวที
การปล่อยคิวเพลง การแสดงรีวิวประกอบเพลง และการเต้นของหางเครื่อง (ตอนนั้นวงสายัญ ดังสุดๆ)
        เสื้อผ้านักดนตรี ก็ให้ใส่เสื้อลายดอก (ซึ่งหายืมได้ง่าย)   ส่วนเสื้อผ้านักร้องพยายามให้ใกล้เคียงนักร้องลูกทุ่ง และใส่สูท (ยืมเอาเอง) ส่วนหางเครื่อง ให้ยืมจากแม่หรือพี่สาว ไม่ต้องเหมือนกันก็ได้  ส่วนเครื่อสำอางค์ บางส่วนซื้อจากตลาดนัด บางส่วนของนักร้องหญิง แต่ถุงน่องต้องซื้อ
เพราะใช้ครั้งเดียวก็ขาดหมดแล้ว(ก็ชายแท้ๆ ใส่ถุงน่องมันจะทนไหวเรอะ) ส่วนหน้าม้าให้แต่งชุดฝึกงาน จะได้สังเกตุได้ง่าย
        ที่มาของโลโก้  เอกลักษณ์ของวงลูกทุ่ง อีกอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ แสตนด์ตั้งโน๊ต เราก็มาคิดกันว่าน่าจะมีโลโก้อะไรสักอย่างเพื่อให้ผู้คนจดจำ พอดีช่วงนั้นเพิ่งมีงาน WOODSTOCK  โลโก้

คือนกพิราบ เกาะกีต้าร์  เราน่าจะเปลี่ยนนกพิราบเป็นนกกระจอก เพราะเหมาะกับพวกเรา
(เพราะกระจอกกว่าเขาเยอะ) ส่วนกีต้าร์ก็ให้เกาะฆ้อนแทน เพราะเป็นเครื่องมือช่างก่อสร้าง และให้ สมพล  อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการองค์การโทรศัพย์ TOT เป็นผู้ออกแบบและวาด ลงบนกระดาษ และติดกับ แสตนด์สามเหลี่ยมที่เราทำกันเองจากโรงฝึกงานในแผนก (เครื่องมือและวัสดุ เพี๊ยบ)
       วันนั้นเป็นวันสถาปนาวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ  เดือนมิถุนายน 2513 ก่อนจะถึงเวลาแสดงพวกเราก็ขอพรจากพระวิศณุ ที่หน้าแผนก  ขอให้การแสดง เป็นไปอย่างราบรื่น เป็นที่สนุกสนานและถูกใจคนดู  และเราก็ได้ตกลงกันว่า ถ้าวันนีไม่ดี ไม่ได้รับเสียงปรบมือจากคนดู ซึ่งเป็นนักศึกษาจากแผนกต่างๆ และอาจารย์ แน่นหอประชุมทั้งชั้นบนและชั้นล่าง เราก็จะเล่นวันนี้วันเดียวแล้วก็จบกัน  แต่ถ้าเป็นที่ถูกอกถูกใจคนดู ทั้งหอประชุม (ยกเว้นหน้าม้า ซึ่งถูกสั่งมาให้ถูกใจทุกกรณี) เราก็จะทำวงให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของแผนกช่างก่อสร้าง และวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ ต่อไปอย่างน้อย 2 ปี โดยจะช่วยเหลือการกุศลเป็นหลัก (เพราะพวกเนราเรียนจบและไม่รู้จะมีรุ่นต่อไปมาสานต่อหรือเปล่า แต่ปรากฎว่ามีรุ่นต่อๆไป มาสานต่อและได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์ในแผนกก่สร้าง จนมีถึง 25 รุ่น หรือ 25 ปี)
(ต้องขอบคุณพลอากาศตรี เอกสิงห์ กลิ่นโพธิ์ ที่รับช่วงต่อและทำให้มีวงเล่นต่อไป ถึง 25 วง)
         เมื่อม่านเวทีของหอประชุมค่อยๆเปิดออก เราใช้เพลง OYE COMOVA ของ SANTANA มีเนื้อร้องภาษาไทยว่า   " ก่อสร้างมาแล้วว่ะ  วันนี้ก่อสร้าง เขามาแล้วว่ะ "  พร้อมหางเครื่องชายล้วน
แต่งหน้าทาแก้ม บ้างก็ใช้ผ้าผูกผม บ้างก็ใส่วิก บ้างก็ใส่แว่นดำ (กลัวแฟนๆ ตึกคหกรรม และตึกบัญชี
จะจำได้) เรียกเสียงฮา เสียงโห่ได้กระหึ่มทั้งหอประชุม ทำให้พวกเราที่อยู่บนเวทีใจชื้นขึ้นมาทันที  พอโฆษกออกมา  " ขอกราบคาราวะ พ่อแม่พี่น้อง มิตรรักแฟนเพลง.........."  ก็เรียกเสียงฮาได้ไม่เบา  พอปล่อยนักร้องออกมาแต่ละคน ก็ไดรับเสียงปรบมือและเสียงกรี๊ดจากสาวๆ และพวงมาลัยจากหน้าม้า
โดยเฉพาะคุณเชวง เพชรชะเอม เป็นชาวเพชรบุรี เหมือนกับรุ่งเพชร แหลมสิงห์  จึงรัองเพลงฝนเดือนได้เหน่อไม่แพ้กัน ประกอบกับรูปหล่อร่างเพรียว  และเมื่อถึงคิวนักร้อง จอมโยกย้าย ตาคม ภิญโญ สุวิญธรากร (ปัจจุบัน นักพากย์ภาพยนต์ และสารคดีทางทีวีและหนังแผ่นมากมาย) การโยกย้ายสโพกแต่ละครั้งเรียกเสียงกรี๊ดได้ไม่เบา  มาถึงชุดไฮไลว์ เมื่อโฆษกประกาศว่าท่านจะได้พบกับขุนพลเพลงลูกทุ่ง  สุรพล คุณสนอง รักอนันต์ (อดีต นายช่างแขวงการทางฯ กรมทางหลวง) ก็ออกมาและบอกว่าขอมอบเพลงนี้ให้ใครคนหนึ่ง ดนตรีขึ้นเพลง 16 ปีแห่งความหลัง เมื่อเริ่มร้องเสียงปรบมือดังกึกก้อง
เมื่อร้องจบก้มลงกราบ มิตรรักแฟนเพลงมอบพวงมาลัยมากมายจนล้นคอ เมื่อคุณสนอง ลุกขึ้นยืน  คุณกฤติน ซึ่งเป็นหน้าม้าที่เรากำหนดตัวไว้แล้ว ลุกขึ้นยืนทันที ท่ามกลางบรรดาหน้าม้าและคนดูที่นั่งกับพื้นด้านหน้าเวที แล้วชักปืนปลอม(ปืนแก๊ป) ยิง สนอง ขณะลุกขึ้นยืนเสียงปืนดังสนั่นห้องประชุม
คุณสนอง ค่อยๆล้มลง โฆษก เขมรัฐเข้าไปประครอง เสียงคนดูในห้องประชุมเงียบสนิท และเมื่อคนดูรู้ว่าเป็นการแสดงม่านก็ค่อยเลื่อนปิด เราก็ได้ยินเสียงปรบมือดังสนั่น กึกก้องยาวนาน  อาจารย์และรุ่นพี่ มาแสดงความยินดี พวกเราดีใจกันมาก ที่การทุ่มเทครั้งนี้ประสบความสำเร็จ  
ต่อจากนั้นเราก็ได้แสดงที่หอประชุมอีกหลายครั้ง  และก็เริ่มรับงานการกุศลตามวัดต่างๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพียงมีรถบัสมารับ มีอาหารเลี้ยง ก็พอใจแล้ว สิ่งที่เราได้รับคือความภูมิใจที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับแผนกช่างก่อสร้างและวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ ทัดเทียมกับ วงดนตรีลูกทุ่งนักศึกษา สถาบันอื่นๆ
และประสบการณ์ชีวิต ที่เราได้เรียนรู้และหาจากที่ไหนไม่ได้  พวกเราทุกคนก็ได้นำไปใช้กับชีวิตประจำวันและหน้าที่การงาน
ตั้งแต่ปี 2513 จนถึง 2555 รวม 42 ปีมาแล้ว ที่พวกเรายังกลมเกลียว ตั้งแต่รุ่นที่ 1 ถึงรุ่นที่ 25    (เฮ้อ.....นี่เราแก่ขนาดนี้แล้วหรือนี่ !!!)         เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2555

2 ความคิดเห็น:

  1. ใช่พี่แก่แล้วครับ(ไม่ใช่แก่ธรรมดาด้วย แก๊..แก่) จากน้องหมู มือกลอง ลูกทุ่งก่อสร้างรุ่นที่12ครับ ขอบคุณครับพี่ที่มาเล่าเรื่องแก่ๆให้ฟัง..55

    ตอบลบ
  2. ประทับใจในอดีตที่ผ่านมากับการใช้ชีวิตอยู่กับวงดนตรีลูกทุ่งก่อสร้างครับ...

    ตอบลบ